วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

นวัตกรรมเพื่อความคุ้มค่าในแวดวงไอทีใหม่ ๆ สด ๆ ร้อน ๆ มาเสิร์ฟอีกแล้วจ้าาา..

คราวนี้เป็นคิวของเครื่องชาร์ตรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า PlugBug ซึ่งถึงแม้จะมีสายเสียบปลั๊กเพียงอันเดียว แต่ก็สามารถชาร์จอุปกรณ์ไฮเทค จำพวก Macbook,iPhone และ iPad ได้ถึงคราวละ 2 เครื่องแน่ะ




นอกจากนี้แล้วเจ้า PlugBug นี้ ยังสามารถชาร์ตได้เร็วกว่าที่ชาร์ตทั่วไปถึง 4 เท่าเลยทีเดียว (เจ๋งโพดดด..) เพราะใช้กำลังไฟ 2.1 แอมป์ และให้พลังงานถึง 10 วัตต์ ในสนนราคาที่พอรับได้ นั่นก็คือ $34.99 หรือประมาณ 1,080 บาทนั่นเอง

อ่ะ..ไปดูคลิปตัวอย่างการใช้งานด้วยกันนะค้าาา..







แล้วกลับมาพบกับ ไอที ยูที ได้ใหม่ในครั้งหน้าค่ะ :)




ขอบคุณที่มา สยามโฟน.คอม
ภาพประกอบจาก blogcdn.com/www.engadget.com/media/2011/11/plugbug.jpg 

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

เปิดตัวกันไปเรียบร้อยแล้วนะค้า สำหรับ วินโดวส์ 8 (Windows 8) ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์พกพาของไมโครซอฟท์ ที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่การเปิดตัว Windows 95 ซึ่งทำให้คอไอทีทั่วโลกรู้จักปุ่มสตาร์ท (Start) และแถบแสดงงานที่ทำหรือทาสก์บาร์ เลยทีเดียว


สำหรับครั้งนี้ ไมโครซอฟท์ชูความสามารถใหม่ 4 จุดทั้งความสามารถในการทำงานบนทุกอุปกรณ์ (แท็บเล็ต แล็ปท้อป และเดสก์ท้อป), รูปแบบการควบคุมแบบใหม่ "เมโทรแอนด์ทัช (Metro & Touch)", ความเร็วทั้งการเปิดเครื่องและการทำงาน และการเพิ่มร้าน Windows App Store เพื่อผู้ใช้ที่ต้องการซื้อแอปพลิเคชัน ล่าสุดเปิดให้นักพัฒนาดาวน์โหลดไปทดสอบบริการแล้ว ก่อนจะเริ่มจำหน่ายได้ในปีหน้า
       
ตามข่าวเค้าบอกว่า ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 นี้ ได้ถูกนำมาแสดงศักยภาพต่อหน้ากลุ่มนักพัฒนามากกว่า 5,000 คนภายในงานประชุม Build 2011 ที่ไมโครซอฟท์จัดขึ้นในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมานี่เองฮ่ะ โดยสตีเวน ไซนอฟสกี (Steven Sinofsky) ประธานฝ่ายธุรกิจวินโดวส์จากไมโครซอฟท์ เชื่อว่าวินโดวส์เวอร์ชันใหม่ล่าสุดนี้จะทำให้ผู้ใช้จัดการแอปพลิเคชันและเอกสารที่มีอยู่ในทุกอุปกรณ์ได้ดีกว่าเดิม เพราะสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่ติดชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม ARM (ชิปประหยัดพลังงานสำหรับอุปกรณ์พกพา) และ x86 (ชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์พีซีจากค่ายอินเทล) โดยรองรับทั้งโน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10 นิ้ว ถึงคอมพิวเตอร์พีซีครบวงจรหน้าจอขนาด 27 นิ้วความละเอียดสูง
     
       "ไม่มีข้อจำกัดระหว่างอุปกรณ์พกพาและคอมพิวเตอร์อีกต่อไป เพราะระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 สามารถใช้งานได้ในทุกๆ ดีไวส์ แม้แต่เน็ตบุ๊กที่ใช้ซีพียู Atom รุ่นแรก กับ RAM 1 GB ก็สามารถใช้งานได้" (เทพพพ..)     
     
อย่างไรก็ตามขณะนี้ Windows 8 Developer Preview วินโดวส์ 8 เวอร์ชันทดสอบนั้นเปิดให้นักพัฒนาทั่วโลกเริ่มทดลองดาวน์โหลดไปใช้งานบนเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ตั้งแต่วันอังคารที่ 14 กันยายนที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯ ฮ่ะ ประกอบด้วยโปรแกรมเวอร์ชันขนาดตั้งแต่ 2.8GB (32 บิต) ถึง 4.8GB (64 บิต) ทั้งหมดนี้เปิดให้ดาวน์โหลดโดยไม่มีเงื่อนไขหลังจากที่ไมโครซอฟท์เปิดให้นักพัฒนาทดสอบวินโดวส์ 7 เมื่อเดือนตุลาคม 2008

การรองรับทุกอุปกรณ์ทั้งคอมพ์ตั้งโต๊ะ โน้ตบุ๊กพกพา และแท็บเล็ตพกพาสะดวก คือจุดขายเบอร์ 1 ของวินโดวส์ 8 ฮ่ะเพราะที่ผ่านมา ระบบปฏิบัติการวินโดวส์นั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานบนคอมพิวเตอร์วางตักและตั้งโต๊ะเท่านั้น แต่ วินโดวส์ 8 สามารถใช่งานได้ดีบนแท็บเล็ต ด้วย ทั้งหมดนี้สะท้อนชัดเจนในจุดขายสำคัญอันดับ 2 นั่นคือหน้าตาโปรแกรมที่ไมโครซอฟท์ตั้งชื่อว่าเมโทรแอนด์ทัช ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องสี่เหลี่ยมตารางงานเช่นเดียวกับวินโดวส์โฟน โดยแทนที่จะเป็นเมนู Start ตามปกติ ผู้ใช้จะได้พบหน้าจอ Start screen ที่ผู้ใช้แท็บเล็ตสามารถเลื่อนดูหรือ scroll อย่างรวดเร็วตามแนวขวาง ขณะที่ผู้ใช้พีซีสามารถใช้เมนู Start ได้ตามปกติ
   
จุดขายอันดับ 3 คือความเร็ว ไมโครซอฟท์การันตีว่าวินโดวส์ 8 ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเปิดเครื่องพร้อมใช้งานในเวลาน้อยกว่า 8 วินาที แถมยังรองรับการโอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูงผ่านพอร์ต USB 3.0 ซึ่งคาดว่าจะมีบทบาทมากในอนาคต เช่นเดียวกับเทคโนโลยี Hyper-V เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างอุปกรณ์เก็บความจำภายนอกที่ว่องไวกว่าวินโดวส์เวอร์ชัน 7 ปัจจุบันอย่างชัดเจน
     
จุดขายที่ 4 คือการมาพร้อมร้าน Windows App Store เพื่อให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์พีซีมีโอกาสซื้อแอปพลิเคชันเช่นเดียวกับชาวสมาร์ทโฟน จุดนี้ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของร้าน iOS App Store ของแอปเปิลซึ่งสามารถสร้างระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ชนิดที่ไมโครซอฟท์ต้องยอมรับ ผลคือวินโดวส์ 8 จะทำให้นักพัฒนาอิสระรายย่อยมีช่องทางในการสร้างรายได้มากขึ้นจากการสร้างและจำหน่ายแอป คาดว่าในอนาคตตลาดแอปพลิเคชันสำหรับวินโดวส์จะทวีความร้อนแรงต่อเนื่อง
 
นอกจากนี้ มีการยืนยันแล้วว่า ไมโครซอฟท์จะพ่วงโปรแกรม Security Essentials ลงในวินโดวส์ 8 เพื่อให้เป็นมาตรฐานการปกป้องผู้บริโภคจากไวรัสคอมพิวเตอร์ โดยจะเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันที่ผู้บริโภคต้องดาวน์โหลดโปรแกรม Security Essentials เองต่างหาก มาเป็นการพ่วงไปกับแพคเกจ Windows Defender ซึ่งจะถูกผนึกในวินโดวส์ จุดนี้ถูกวิเคราะห์ว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้วินโดวส์ทั่วโลก แต่อาจไม่ใช่ข่าวดีของผู้ให้บริการซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่อาจมีรายได้น้อยลง
     
โดยภาพรวม นักวิเคราะห์เชื่อว่าผลกระทบหลักที่จะเกิดขึ้นจากการเปิดตัววินโดวส์ 8 คือการแข่งขันที่ดุเดือดกว่าเดิมในตลาดแท็บเล็ตโลก เบื้องต้นนักวิเคราะห์ประเมินว่าอุปกรณ์วินโดวส์ 8 จะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของแท็บเล็ตในตลาดอย่างไอแพดและแท็บเล็ตแอนดรอยด์ ขณะที่ความยืดหยุ่นในการสนับสนุนโปรแกรมและแอปพลิเคชันของวินโดวส์ 8 ยังเป็นจุดแข็งสำคัญที่อาจพลิกตลาดอุปกรณ์พกพาโลกได้ในอนาคต (โปรแกรมสำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 7 สามารถนำมาใช้งานบนวินโดวส์ 8 ได้) โดยเฉพาะในตลาดผู้ใช้วินโดวส์ซึ่งมีเกิน 80% ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก งานนี้ยูสเซอร์อย่างเรา ๆ ก็ได้ประโยชน์จากการแข่งขันของบรรดาช้างชนช้างกันไปอย่างถ้วนหน้าฮ่ะ ส่วนใครที่อยากเห็นสิงห์ชนสิงห์ ก็คงต้องแวะเซเว่นใกล้บ้านแล้วก็ชวนเพืิ่อนมาชนกันเอาเองนะค้า ครึ ครึ....

แล้วพบกับไอที ยูที ได้ใหม่ในตอนหน้าค่า...




ขอบคุณที่มา manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000117311
ภาพประกอบจาก thaiware.com/upload_misc/tips/2012_10/images/39_121030210117TQ.jpg 




วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

แอร๊ย..สาวกเกาหลัง เอ๊ย..เกาหลีถึงกับต้องอึ้ง ทึ่ง ตะลึงงันกันอีกแล้วจ้า

ไม่รู้งานนี้กระเป๋ากางเกงจะระเบิดกันหรือเปล่า เพราะซัมซุง จัดให้ กับ น้องบานหน้าใหม่ในตระกูลกาแล็กซี่  นั่นก็คือ “Samsung Galaxy Note” ที่พกพาหน้าจอมาถึง 5.3 นิ้ว ให้ทั้งลาก ทั้งจิ้ม กันมันส์ทีเดียว!!


งานนี้ นอกจากจะพกจอที่สุดในตระกูล Galaxy แล้ว  Samsung Galaxy Note ยังถือว่าใหญ่สุดในแอนดรอยด์อีกด้วย โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน IFA 2011 ที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ณ กรุงเบอร์ลิน

นอกจากจุดเด่นหน้าจอใหญ่เทพแล้ว Samsung Galaxy Note ยังพาซีพียู 1.4GHz dual Core  พร้อมแอนดอรยด์ 2.3 ที่จะทำให้การรันแอพฯ ลื่นไหลมาด้วย  พร้อมกับรองรับเทคโนโลยี  LTE และ HSPA+ (4G) ที่จะนำพาคุณก้าวข้ามขีดจำกัดในการดาวน์โหลดอัพโหลด  แถมมี Stylus อย่าง S Pen ที่จะมาเพิ่มฟีเจอร์ที่น่าใช้งานมากยิ่งขึ้นอีกต่างหาก

อิชั้นก็ได้แต่เฝ้ารอฮ่ะ ว่าเมื่อไหร่จะมาถึงเมืองไทย มาไว ๆ ละกันนะน้องบานนน..น๊าาา.. 




ขอบคุณที่มา  mthai.com
ภาพประกอบจาก techdeville.com/wp-content/uploads/samsung-galaxy-note_1.jpg 

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ข่าวล่ามาช้านิดหน่อยจาก ไอที ยูที มาส่งแล้วค่า อุอุ

มาฟังข่าวดีของคนที่รักการอ่านหนังสือบน  e-Book reader กันนะค้า

Binatone บริษัทผู้ผลิต Tablet ขนาด 8 นิ้วที่ถูกพูดถึงในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้เปิดตัว Tablet ที่ชื่อ Binaton ReadMe Mobile แล้วฮ่ะ ซึ่งเจ้า Binaton Readme Mobile นี้ ถือเป็น Tablet รุ่นใหม่ ที่ดูเหมือนจะแตกต่างไปจาก Tablet รุ่นอื่น ๆ ที่ผ่านมาอ่ะนะคะ

โดย Tablet รุ่นดังกล่าวนี้ จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 7 นิ้ว WVGA (800×480 pixels)  ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi ฮ่ะ  มีหน่วยความจำภายใน 2GB , ระบบปฎิบัติการ Android 2.1 และที่น่าสนใจคือเป็น Tablet ที่มาพร้อมกับคีย์บอร์ดแบบ QWERTY คีย์บอร์ดซะด้วย

อย่างไรก็ตาม Binatone ReadMe Mobile  ก็เป็น Tablet ขนาด 7 นิ้วที่ไม่ได้มีหน้าจอเป็นแบบ Touchscreen แต่อย่างใดนะคะ จึงอาจถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมของ Tablet ที่ดูจะแปลกและแตกต่างไปจาก Tablet ที่เคยพบเห็นกันอยู่ในท้องตลาดปัจจุบัน สำหรับราคาขายนั้น Binaton ReadMe Mobile  มีราคาขายอยู่ที่ประมาณ $212 หรือประมาณ 6,400 บาทเท่านั้นเองค่ะ





ราคาประหยัด ถูกใจคอเทคโนโลยีมาก ๆ ก็ได้แต่ตั้งตารอและภาวนาให้มาปรากฎโฉมในเมืองไทยเร็ว ๆ นะค้า..อุอุ




ขอบคุณที่มา http://www.flashfly.net/wp/?p=6047
ภาพประกอบจาก อินเตอร์เน็ต

วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

วะวะวะว้าวว..ในที่สุด ก็มีของเล่นของน้องดรอยด์ โผล่มาให้ดีใจซะทีค่า

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบ gatget ประเภท รถยนต์วิทยุบังคับ จะดีแค่ไหนเมื่อโทรศัพท์ของคุณสามารถที่จะควบคุมรถบังคับวิทยุ แทนที่รีโมทแบบเก่าที่ใหญ่เทอะทะได้ BlueDrone RC car เป็นรถบังคับวิทยุที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ผ่านบลูทูธ ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.1 ขึ้นไป

เจ้าเครื่องเล่นตัวนี้สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวโดยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือควบคุมตามการเคลื่อนไหวของตัวเครื่องก็ได้ สำหรับรถบังคับที่ออกมาตัวแรก คือ Nissan GT-R เฮ่าะ ในอัตราส่วน 1:20 ซึ่งใช้พลังงานจากถ่าน AA 3 ก้อน สามารถที่จะเล่นได้ประมาณ 3 ชั่วโมง และรับสัญญาณควบคุมได้ไกลถึง 30 ฟุต ราคารถบังคับ Nissan GT-R อยู่ที่ $ 59 หรือประมาณ 1760 บาท ส่วนแอพพลิเคชั่นที่ใช้ในการควบคุมก็ยังสามารถโหลดได้ฟรีด้วยนะค้า

อิอิ..ไปดูภาพรีวิวจากยูทูปกันได้เลยค่า


ขอบคุณที่มา http://news.siamphone.com/news-04212.html

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

คงต้องยอมรับกันล่ะค่ะ ว่าเครื่องเครา gadget ที่ออกมาตอบสนองการใช้งานของสาวก iPhone เค้าเยอะจริง ๆ ก็ลองมาดูอุปกรณ์เสริมชิ้นนี้กันสิคะ หน้าตาปานประหนึ่ง มือถือจอสไลด์ซ่อนแป้นพิมพ์ทั่ว ๆ ไปก็ไม่ปาน

เจ้าอุปกรณ์เสริมชิ้นนี้ มีชื่อว่า Keyboard Buddy iPhone 4 Case ค่ะ จัดทำมาเพื่อสาวก iPhone ที่เกิดอารมณ์อยากแชท แชท แชททท...ให้มันส์มือเหมือนขาแชทคนอื่นๆ เค้าบ้าง เว้ากันซื่อ ๆ Keyboard Buddy iPhone 4 Case ก็คือเคส iPhone 4 พร้อมแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดแบบ qwerty โดยสามารถเลือกสลับเฉพาะแบบทัชเพียงอย่างเดียว หรือจะเป็นทั้งทัช และกดก็ได้ทันที ด้วยการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ 2.0 นั่นเอง

สงสัยสาวกน้องไอ คงต้องหาเงินสร้างโกดังไว้เก็บอุปกรณ์เสริมอันละลานตากันอีกก้อนแล้วล่ะมั้งเนี่ย อุอุ

สนใจก็ซื้อหามาใช้ได้นะค้า เจ้า Keyboard Buddy iPhone 4 Case นี่ เค้ามีวางจำหน่ายแล้ว ผ่าน http://www.boxwave.com/ ในราคา 79.95 เหรียญสหรัฐ เท่านั้นเองค่า



ขอบคุณที่มา siamphone.com 

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ใครที่ชื่นชอบการชมภาพยนต์ที่มันทุลุจอเหมือนดั่งหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของหลังอย่างเช่นการชมภาพยนต์ 3 มิติ ฟังทางนี้ค่ะ..

ขณะนี้ LG เปิดตัวโทรทัศน์นวัตกรรมใหม่ LG DX2000 ที่สามารถรับชมภาพแบบ 3 มิติได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องสวมแว่นใดๆ อีกต่อไปแล้วนะคะ

เจ้าโทรทัศน์สามมิติตัวนี้ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า LG DX2000 ค่ะ มีหน้าจอแบบ LED Blacklight ขนาด 20 นิ้ว ที่มาพร้อมกับกล้องอัจฉริยะในตัวที่ไม่เพียงแต่สามารถใช้ในการสื่อสารทางไกล (Video Conference) ได้เท่านั้น แต่ยังมากับเทคโนโลยี Eye Tracking ซึ่งจะค้นหาตำแหน่งของผู้ใช้งาน และปรับภาพ 3 มิติให้เหมาะกับสายตา เพื่อการรับชมภาพที่คมชัดที่สุดด้วย นอกจากนี้แล้วทาง LG ยังติดตั้งเทคโนโลยีการแปลงภาพ 2 มิติ เป็น 3 มิติ มาด้วยอีกต่างหาก สนนราคาก็ไม่แพงเลยนะคะเปิดตัวอยู่ที่ 1.29 ล้านวอน หรือประมาณ 36,800 บาทเท่านั้นเอ๊งงง.. ก็ไม่แน่ว่าในอนาคตข้างหน้าเราอาจได้รับชมภาพ 4 มิติที่สัมผัสได้ถึง รูป รส กลิ่น เสียง ถึงบ้านก็เป็นได้ ถึงวันนั้นคงได้ข่าวหนุ่ม ๆ ตุนหนังเกรดพิเศษกันไว้เยอะเลยทีเดียว 5555+




ขอบคุณที่มา http://news.siamphone.com/news-04166.html

วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สวัสดีเช้าวันหยุดค่ะ วันนี้หยิบเอาข่าวดีของชาว BB มาฝากกัน งานนี้รับรองว่า แฟนานุแฟนของ BB น่าจะเฝ้ารอคอยด้วยใจระทึกกันเลยทีเดียว

สาวก BlackBerry เตรียมเสียงเฮเสียงดังๆ กันให้พร้อม เพื่อต้อนรับการมาของ BlackBerry 4 รุ่น ได้แก่ Torch 9810, Torch 9860, Bold 9900 และ Curve 9360 ที่จัดจำหน่ายโดย Bell โดยทั้ง 4 รุ่นนี้จะมาพร้อมกับระบบปฎิบัติการ BlackBerry OS 7 อย่างแน่นอน ซึ่งการวางจำหน่ายครั้งนี้จะวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่ 3 โดยมี BlackBerry Torch 9810, Torch 9860 และ Bold 9900 จำหน่ายเดือนสิงหาคม และ BlackBerry Curve 9360 จำหน่ายเดือนกันยายน

ไปดูภาพงาม ๆ ยั่วน้ำลายของ BB ทั้ง 4 รุ่นได้เลยนะคะ


ขอบคุณที่มา http://news.siamphone.com/news-04129.html

วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

แท็บเล็ต ฟอร์ฟันสำหรับเด็ก ๆ จะเริ่มมีวางจำหน่ายแล้วค่า..

สำหรับเพื่อน ๆ บล้อกที่มีลูกหลาน ตัวเล็กตัวน้อยในบ้านที่ชื่นชอบการแย่งเล่นแท็บเล็ตของตัวเอง >_<" น่าจะโล่งใจสำหรับข่าวนี้อ่ะนะคะ

เพราะล่าสุดบริษัท LeapFrog ผู้ผลิตของเล่นเพื่อพัฒนาการเด็กประกาศเปิดตัวแท็บเล็ตทนทานนาม LeapPad ราคาเด็กตามกลุ่มเป้าหมาย 99.99 เหรียญหรือประมาณ 3,000 บาท คาดว่าจะเริ่มเปิดให้จองได้ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป ก่อนจะเริ่มจัดส่งครั้งแรก 15 สิงหาคมนี้
    
เจ้า LeapPad ตัวนี้ เค้าเป็นแท็บเล็ตหน้าจอ 5 นิ้ว ที่มีหน้ากากพร้อมรบกับเด็กน้อยเต็มที่ค่ะ วัสดุทำจากยางที่ผู้ปกครองสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่แตกหักเมื่อตกหล่น มีความละเอียดหน้าจอ 480x272 มีความสว่างและคุณภาพสูงเท่ากับของเล่นเด็ก แต่แน่นอนว่าต้องด้อยกว่าแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนของผู้ใหญ่แหงอยู่แล้ว
    
หน้าจอสัมผัสของ LeapPad เป็นแบบ resistive ซึ่งต้องใช้การกดย้ำมากกว่าและไม่ไวเท่าในแท็บเล็ตผู้ใหญ่ มาพร้อมปากกาสไตลัสสีเขียวเข้าชุด ตัวเครื่องมีกล้อง VGA (ความละเอียด 640x480 พิกเซล) เพื่อให้เด็กๆสามารถถ่ายภาพและวิดีโอ ภายในมีเทคโนโลยี accelerometer หรือการตรวจจับองศาการถือจับเครื่องแบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้เด็กๆสามารถควบคุมเกมด้วยการเอียงเครื่อง และโต้ตอบกับสื่อการสอนของ LeapFrog ในชุด Leapster Explorer ได้สนุกยิ่งขึ้นค่ะ

อ่ะ..มาดูรีวิวภาพเคลื่อนไหวจากยูทูปกันนะค้า



    
แท็บเล็ต นี้ LeapFrog ระบุว่าเหมาะสำหรับเด็กอายุ 4-9 ปี โดยสิ่งที่เด็กทุกคนจะได้ทำเมื่อเริ่มเปิดเครื่อง LeapPad คือการตั้งค่าความเป็นเจ้าของเครื่องโดยใส่ชื่อ ภาพถ่าย เปลี่ยนวอลเปเปอร์ และสัตว์เลี้ยงเสมือนซึ่ง LeapFrog ให้ชื่อเรียกว่า Pet Pad เป็น 1 ใน 4 แอปพลิเคชันที่ติดตั้งมากับเครื่องเพื่อให้เด็กๆสามารถสร้างและเลี้ยงสัตว์ได้ในจินตนาการ
    
ยังมีแอปพลิเคชัน Story Studio ที่เด็กๆสามารถสร้างอีบุ๊กเป็นของตัวเอง, Art Studio สำหรับการสร้างงานศิลปะที่เด็กๆจะมีเครื่องมือหลากหลายทั้งเครื่องมือพิมพ์ภาพ ดินสอสีสำหรับระบาย และคุณสมบัติพิเศษที่เป็นลูกเล่นในการตกแต่งภาพ ยังมีแอปพลิเคชัน My Stuff เป็นแกลเลอรี่สำหรับเก็บภาพ วิดีโอ อีบุ๊ก และผลงานต่างๆที่หนูน้อยสร้างขึ้น
    
ที่ขาดไม่ได้คือเครือข่ายสังคม ผลงานของน้องหนู สามารถถูกส่งไปหาคุณพ่อคุณแม่ทางอีเมลหรือเฟซบุ๊กได้ด้วยนะเอ่อ เช่นเดียวกับวิดีโอและภาพ ที่ถูกถ่ายบน LeapPad ก็สามารถอัปโหลดและแชร์ได้เช่นกัน
    
นอกจากนี้ LeapFrog ยังเดินตามเกมของแท็บเล็ตผู้ใหญ่ครบชุด ด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชันร้านจำหน่ายคอนเทนต์ไว้บน LeapPad โดยขณะที่เพิ่งเริ่มทำตลาดเช่นนี้ บริษัทระบุว่าจำนวนแอปพลิเคชันที่สามารถรองรับแท็บเล็ตคุณหนูมีประมาณ 100 แอป ประกอบด้วยเกม แอปพลิเคชันแนวสร้างสรรค์ อีบุ๊กแบบอินเทอร์แอคทีฟ แฟลชการ์ด (ชุดบัตรคำสำหรับการทายปัญหาเร็วๆ) และรวมฮิตวิดีโอจาก LeapFrog และบริษัทพันธมิตร ทั้งหมดสามารถเก็บไว้ในหน่วยความจำภายในของ LeapPad ความจุ 2GB ผ่านซอฟต์แวร์ LeapFrog Connect
    
รายงานระบุว่าสนนราคาวิดีโอ อีบุ๊กอินเทอร์แอคทีฟ เกม และแอปพลิเคชันเชิงสร้างสรรค์นั้นยังไม่มีการกำหนดราคา คาดว่าจะอยู่ในระดับ 5 - 20 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 150 - 600 บาท

โหย..ข่าวนี้เล่นเอาอิชั้นดีใจจนเนื้อเต้น อยากเห็นตัวเป็น ๆ ของน้องแท็ปเวอร์ชั่นเบบี๋แบบนี้อ่ะ เผื่องวดไหนถูกหวย จะได้ซื้อมากดทิ้งกดขว้างมั่ง 555+ รีบ ๆ เข้ามาทำตลาดเมืองไทยเร็ว ๆ นะจ๊ะน้อง LeapFrog




ขอบคุณที่มา manageronline.com

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สวัสดีค่า พบกับไอที ยูที ในเช้าวันหยุดต้นเดือนกรกฎาคม กันอีกครั้งนะค้า

ในวันนี้ ไอที ยูที ได้นำเทคโนโลยีของเล่นเด็ด ๆ จากแดนยุ่นปี่มาฝากกันอีกแล้ว นั่นก็คือ เครื่องร้องคาราโอเกะขนาดเล็กที่สุดในโลก ค่ะ

บริษัท ของเล่นญี่ปุ่น ได้เปิดตัวเครื่องร้องคาราโอเกะขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยมีขนาดกะทัดรัดเพียง 7 ซม. เพื่อให้เด็กๆ ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นซูเปอร์สตาร์เพลงป๊อบได้ฝึกซ้อมร้องเพลงเอง

เครื่องร้องคาราโอะ รุ่นนี้ ประกอบไปด้วยชุดหูฟังและไมโครโฟน ซึ่งผู้ร้องจะได้ยินเสียงเพลงโดยไม่รบกวนผู้อื่นค่ะ นอกจากนี้ ยังสามารถเสียบชุดหูฟังได้อีกชุด หรือจะเลือกเปิดลำโพงให้เสียงดังก็ได้ เหมาะสำหรับกลุ่มนักเรียนหญิง ที่คลั่งไคล้นักร้องเพลงป๊อป

บริษัทโทมี่ ระบุว่า ได้เริ่มวางจำหน่ายเครื่องร้องคาราโอเกะจิ๋วในญี่ปุ่น โดยหวังดึงดูดกลุ่มลูกค้ารุ่นเยาว์ที่ไม่สามารถเข้าใช้บริการร้านคาราโอเกะที่มีอยู่ทั่วไปในญี่ปุ่นได้ ส่วนราคาอยู่ที่ 10,000 เยน (ราว 3,200 บาท) แต่ลูกค้าจะต้องซื้อกล่องบรรจุข้อมูลราคา 2,000 เยน (ราว 620 บาท) ที่บรรจุเพลงไว้ 10 เพลง และสามารถดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ตเพิ่มได้อีก

คาราโอเกะกลายเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ นับแต่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2514 โดยนายไดซูเกะ อิโนอุเอะ นักคีย์บอร์ด ที่คิดหาดนตรีให้กับลูกค้าที่ต้องการร้องเพลงระหว่างเดินทางไปกับบริษัท และในปัจจุบันก็มีกระแสความนิยมใหม่ในญี่ปุ่นที่เรียกว่า “ฮิโตะคารา” หมายความว่า การออกไปร้องคาราโอเกะตามลำพัง

น่าสนใจนิ..ป่านนี้บ้านเราคงจะมีพ่อค้าหัวใสนำเข้ามาขายมั่งแล้ว ถูกใจขาเกะอย่างอิชั้นมาก ๆ อ่ะ สงสัยคงต้องไปเดินซื้อหามาไว้ใช้ร้องเกะในห้องน้ำสักเครื่องแล้ว :)

แล้วพบกับไอที ยูที ได้ใหม่ในตอนหน้านะค้า


วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กลับมาพบกัน ไอที ยูทีกันอีกครั้งนะคะ

สำหรับนักดนตรีสมัครเล่นที่อยากจะทำเพลงแต่ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะไปทำเพลงในห้องอัดใหญ่ ๆ ได้ วันนี้พวกคุณสามารถอัดเพลงได้ง่าย ๆ แล้วค่ะ ด้วย  Zoom R8 Recorder ที่นอกจากขนาดเล็กกระทัดรัดพกพาสะดวกแล้ว ยังสามารถใช้อัดเสียงได้ทันทีทั้งในหรือนอกสถานที่ได้อีกด้วย


การ Mix เพลง จาก Zoom R8 Recorder นี่ก็ทำได้หลายรูปแบบ ทั้งการเชื่อมต่ออุปกรณ์ผ่านสาย USB แล้วนำเพลงไป Mix อีกทีในเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือนำเพลงที่ต้องการใส่ในการ์ด SD แล้ว Mix เพลงผ่านเครื่องโดยตรง ยืดหยุ่นกันมาก ๆ เลยทีเดียว โดยเจ้า Zoom R8 Recorder นี้ จะมีราคาอยู่ที่ $299 (ประมาณ 9,000 บาท)

คอดนตรีคนไหนอยากเจียดงบมาทำห้องอัดส่วนตัว ก็อย่าลืมซื้อหาเจ้านี่มาลองใช้ดูละกันนะจ๊ะ ไปดูรีวิวการใช้งานจากยูปทูปด้วยกันเลยค่ะ


ขอบคุณที่มา siamphone.com

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ช่วงนี้กระแสแท็บเล็ตยังคงได้รับความสนอกสนใจอย่างไม่สร่างซาเลยนะคะ

ล่าสุด Panasonic ยักษ์ใหญ่อีกตัวนึงของวงการเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเลคโทรนิค ก็โดดลงมาร่วมวงไพบูลย์เพื่อแบ่งเค้กทางการตลาดอีกเจ้าแล้วค่ะ

Panasonic เผยโฉม แท็บเล็บ ตัวล่าสุดที่มีทั้งประสิทธิภาพและความแข็งแกร่ง  โดยเจ้าแท็บเล็บนี้จะใช้ระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ 3.0 Honeycomb จอสัมผัส multi-touch ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล กว้าง 10.1 นิ้ว พร้อมปากกา stylus สำหรับเขียนหน้าจอ รองรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต, Social Network, GPS ผ่านเครือข่ายทั้ง 3G และ 4G พร้อมทั้งการออกแบบตัวเครื่องให้แข็งแรงทนทาน สามารถ กันน้ำ, ฝุ่นผง, การกระแทกได้  โดยทาง Panasonic จะเปิดตัว แอนดรอยด์แท็บเล็บ พร้อมสเปกอย่างละเอียดในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้นะคะ ใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปซบอกแท็บเล็ตค่ายไหนดี ก็รอติดตามชมตัวเป็น ๆ ได้เลยค่า


ขอบคุณที่มา siamphone.com

วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ZaggMate คือ อุปกรณ์เสริม สำหรับเครื่อง iPad ค่ะ โดยเจ้าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะเป็นได้ทั้ง hard case สำหรับปกป้องเครื่อง เป็นด็อกตั้งเครื่องสำหรับใช้งาน, หรือเปลี่ยนเครื่อง iPad ให้ใช้งานเหมือน netbook ในพริบตาได้ ด้วย คีย์บอร์ด Bluetooth ในตัว

ZaggMate  มีความแข็งแรงสูง สามารถปกป้องเครื่อง iPad ได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ เพราะตัวอุปกรณ์ชิ้นนี้ผลิตจากอลูมิเนียมที่ผลิตเครื่องบิน ตัวเคสมี 2 รุ่นให้เลือกใช้งานด้วยกันนะคะ คือ รุ่นที่ไม่มีคีย์บอร์ด และรุ่นที่มีคีย์บอร์ดในตัว

ลองดูวิดีโอสาธิตการใช้งานจริงได้เลยค่ะ


ZAGGmate with Keyboard



ZAGGmate without Keyboard

สนใจหาดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซด์ Zagg นะค้า

ส่วนราคา รุ่นที่ไม่มีคีย์บอร์ด ราคา 69.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2พันบาท) และ รุ่นที่มีคีย์บอร์ดในตัว ราคา 99.99 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3พันบาท) ค่ะ ก็ไม่รู้เมืองไทยเรามีขายรึยังเนาะ ท่าทางน่าใช้ดีจัง ว่าแต่ เจ้าของบล้อกคงต้องตัดใจซื้อน้องไอแพดมาใช้ให้ได้ก่อนอ่ะนะคะ อุอุ



ขอบคุณที่มา http://www.7boot.com/zaggmate-turn-ipad-to-netbook/

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ไอที ยูที วันนี้หนีบของดีมีคุณภาพจาก ASUS มาฝากอีกแล้วจ้า

นี่คือ ASUS Eee PC X101 เน็ตบุ๊ค ขนาดเล็ก และบางเพียง 17.6 มิลลิเมตร หน้าจอกว้าง 10 นิ้วพกพาได้สะดวกน้ำหนักเบามาก...เพียง 950 กรัมเท่านั้นเอง ASUS Eee PC X101  มีจุดเด่นที่สามารถใช้งานระบบปฎิบัติการได้ 2 ระบบค่ะ คือ MeeGo หรือ Windows 7 ใช้หน่วยประมวลผล Intel Atom N435 1.33 Ghz




ข้อมูลตัวเครื่อง

* Intel Atom Processor (N435 at 1.33 Ghz), assumed to be Oaktrail
* 10.1 inch matte display, with a resolution of 1024 x 600
* 802.11b/g/n WiFi
* 2 x USB ports, microSD card slot, headphone / audio port.
* 2600 mAh / 28 Wh battery
* Weight: 950g
* Thickness: 17.6mm

ราคาก็น่าสนใจมาก ๆ เลยนะคะ เพราะเคาะออกมาอยู่ที่เพียง $200 หรือประมาณ 6,000 บาทเท่านั้นเอง โอ้ววว..ถ้าในไทยเราราคาเท่านี้จริง ๆ มีหวัง ยอดขายน้องอี คงพุ่งกระฉูดแน่ ๆ งานนี้

คาดว่ากำหนดวางตลาดจะอยู่ราว ๆ เดือน กันยายนที่จะถึงนี้ ขาไอทีก็โปรดอดใจรอโดยพลันละกันนิ :)



ขอบคุณที่มา http://news.siamphone.com/news-03885.html

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Thrive แอนดรอย์ดแท็บเล็บตัวล่าสุดจาก Toshiba พร้อมวางจำหน่ายในสหัรัฐอเมริกาช่วงเดือนกรกฎาคมนี้แล้วค่า โดยสเปกคร่าวๆ ของ Thrive ที่จะวางขายจะใช้จอสัมผัสความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล กว้าง 10.1 นิ้ว ระบบปฎิบติการแอนดรอย์ด 3.1 Honeycomb หน่วยประมวลผล Tegra 2 รองรับการเชื่อมต่อ WiFi, Bluetooth, USB, HDMI และช่องใส่การ์ด SD กล้องหน้าสำหรับ Webcam ความละเอียด 2 ล้านพิกเซลและกล้องหลักความละเอียด 5 ล้านพิกเซล

แท็บเล็ตแอนดรอยด์ ของโตชิบาเป็นเจ้าเดียวที่สามารถถอดและเปลี่ยนแบตเตอรี่ ได้ ซึ่ง Toshiba แอบหวังเล็กๆ ว่า คุณสมบัติดังกล่าวของ Thrive จะช่วยสร้างความแตกต่างให้แท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 10 นิ้วของทางบริษัทโดดเด่นกว่าของผู้ผลิตรายอื่นๆ โดยนอกจากเรื่องของแบตฯที่ถอดเปลี่ยนได้แล้ว Toshiba ยังได้เพิ่มฟังกชันสืบค้นไฟล์ (file browser) ที่สามารถอ่านไฟล์เอกสารต่างๆ จากไดรฟ์ USB ไปจนถึงการ์ดหน่วยความจำ SD เพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงไฟล์ภาพดิจิตอล เพลง หรือภาพยนต์ที่จัดเก็บบนอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

Toshiba Thrive ยังมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ LogMeIn ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินจาก”แท็บเล็ต” เพื่อเข้าถึงคอมพิวเตอร์ Windows หรือ Mac ตลอดจนควบคุมการทำงานของเครื่องจากแท็บเล็ตได้ ไม่เพียงเท่านั้น Thrive ยังช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ระหว่างเดินทางได้ โดยในทางเทคนิค คุณยังสามารถแก้ไขไฟล์ Excel หรือท่องเว็บได้ด้วย IE จากแท็บเล็ต Android เนื่องจากมันการเข้าถึง และควบคุมการใช้งานโปรแกรม Office และ IE บนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค หรือเดสก์ทอปขอคุณนั่นเอง นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้แอพฯ PrintShare เพื่อส่งไฟล์ที่ต้องการพิมพ์ผ่านอินเทอร์เน็ตไปยังคอมพิวเตอร์ของคุณให้ จัดการพิมพ์งานออกมาได้อีกด้วย

Toshiba Thrive จะมาพร้อมกับหน้ากากด้านหลังตัวเครื่องทีมีสันให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสีดำ สีเงิน สีน้ำเงิน สีเขียว สีส้ม สีม่วง หรือสีชมพู โดยเมื่อเปิดออกมาจะสามารถถอดแบตเตอรี่ออกมาเปลี่ยนได้ สเป็กภายในเครื่องก็จะมีโพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ NVIDIA Tegra 2 ความเร็ว 1GHz หน้าจอขนาด 10.1 นิ้วความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล น้ำหนัก 1.6 ปอนด์ ขนาดของสตอเรจที่มีให้เลือกคือ 8GB, 16GB หรือ 32GB ราคาเริ่มต้นจาก 429 เหรียญฯ (ประมาณ 13,000 บาท) ถึง 579 เหรียญฯ (ประมาณ 17,500 บาท) ค่ะ


ขอบคุณที่มา http://www.isnhotnews.com/
ภาพประกอบจาก siamphone.com

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

แอร๊ยย....เพิ่งรู้ ๆ ๆ อยากจะตะโกนคำนี้ซ้ำสักหลาย ๆ รอบทีเดียวเชียวฮ่ะ เมื่ออิชั้นเพิ่งทราบว่าตอนนี้ นอกจาก น้องแท็บ ตระกูล Galaxy Series จะไม่เสื่อมมนต์เอาง่ายๆ แถมยังมีลูกมีหลานออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะนอกจากจะมีสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์แล้ว ล่าสุดยังแตกไลน์สู่เครื่องเล่นมีเดียครบวงจรที่กำลังจะส่งตรงถึงมือคนรักนวัตกรรมใหม่ ๆ เร็ว ๆ นี้

Galaxy Player  คือเครื่องเล่นเกมส์ Player รุ่นแรกของแบรนด์นี้ฮ่ะ จุดเด่นก็คือหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 4.0-5.0 นิ้ว ด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2 จึงลงแอพฯ ต่าง ๆ ได้มากมาย, รองรับการเชื่อมต่อ WiFi ใช้งาน VoIP, เล่นเน็ตความเร็วสูง, กล้องความละเอียดสูง 3.2MP, ใช้งาน GPS นำทางผ่าน SpeedNavi ที่เเถมมาให้ฟรีในชุดขาย ฯลฯ ด้วยราคาเปิดตัวที่ค่อนข้างถูก จึงไม่ต้องแปลกใจที่มันมาชนกับ iPod Touch เต็ม ๆ

คุณสมบัติเด่นของ Galaxy Player

- ขนาด 141.3 x 78.2 x 11.9 มิลลิเมตร , น้ำหนัก 198 กรัม
- หน้าจอ TFT-LCD ทัชสกรีนแบบ Capacitive 5.0 นิ้ว ความละเอียด 800x480 พิคเซล แสดงผล 16 ล้านสี
* มัลติทัช 4 จุด
* รองรับการหมุนหน้าจอ (Accelerometer)
- ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.2.1 , อินเตอร์เฟส TouchWiz 4.0 UI
- ซีพียู Samsung Hummingbird (Cortex-A8 1GHz , PowerVR SGX540 GPU)
- แรม 512MB (เหลือใช้งานจริง 346 MB)
- เมมโมรี่ภายใน 8GB , เพิ่ม MicroSD สูงสุด 32GB
- เชื่อมต่อ WiFi 802.11 b/g/n
- เชื่อมต่อ Bluetooth 3.0 HS, MicroUSB 2.0
- วิทยุ FM, เครื่องเล่น MP3 พร้อมระบบเสียงสมจริง SoundAlive
- รองรับวิดิโอฟอร์แมต DivX, XviD ความละเอียดสูงสุด HD1080p , ระบบเสียง Virtual 5.1CH
- เบราเซอร์รองรับ Flash 10.3
- กล้องความละเอียด 3.2 ล้านพิคเซล, รองรับออโต้โฟกัส, แฟลช LED, บันทึกวิดิโอความละเอียด 720x480 พิคเซล 30 เฟรมต่อวินาที
-กล้องหน้าความละเอียด 640x480 พิคเซล
- แบตเตอรี่ Li-ion 2500 mAh 

การออกแบบของ Galaxy Player 5.0 ทำให้นึกถึง Galaxy S II ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้ฮ่ะ เพราะมันเหมือนมากกก....รูปทรงเป็นแท่งทัชสกรีนธรรมดา ออกเหลี่ยมมุมเล็กน้อย ด้านหน้าดูเรียบ ๆ มีเพียงปุ่มกดด้านล่าง และกล้องหน้าเท่านั้น พอร์ทต่างๆ อยู่ด้านใต้ - ด้านหัวเครื่องฮ่ะ ส่วนด้านข้างจะมีปุ่มปรับเสียง - พาวเวอร์ และด้วยขนาดหน้าจอที่ค่อนข้างใหญ่ถึง 5 นิ้ว ไม่แปลกที่ขนาดเครื่องจะใหญ่ตาม แต่ก็อย่างว่าแหละ มันออกแบบมาเพื่อใช้งานด้านมีเดียนี่เนอะ ก็คงไม่ได้กะจะเอามาให้ใช้โทร.แบบพี่ Galaxy tab น่านแหละ..

วัสดุตัวเครื่องใช้พลาสติกทั้งตัวฮ่ะ ขอบรอบเป็นโครเมี่ยม ด้านหลังผิวคล้ายกับ Galaxy Tab มันเงาพอสมควร งานประกอบถือว่าทำได้ดีทีเดียว ปุ่มกดไม่ยุบ บอดี้ไม่คลอน อย่างไรก็ดี ฝาหลังเปิดเปลี่ยนแบตไม่ได้ครับ เหมือน น้องแท็บ เลย หากแบตเสื่อมต้องส่งศูนย์เพื่อทำการเปลี่ยนเท่านั้น : (

หน้าจอของ Galaxy Player อยู่ที่ 4-5 นิ้ว (สำหรับรุ่นที่เอามารีวิวคือ 5 นิ้ว) ความละเอียดเท่ากันที่ 800 x 480 พิคเซล เป็นจอ LCD ธรรมดานะคะ ไม่ใช้ Super-Clear หรือ AMOLED แต่การแสดงผลก็ทำได้ดี มุมมองหน้าจอกว้างพอใช้ได้ การตอบสนองสัมผัสค่อนข้างลื่นมือทีเดียว แต่กระจกที่คุณจิ้มๆ อยู่ ไม่ใช่ Gorilla Glass นะค้า ดังนั้นอย่ากดแรงมากเดี๋ยวจะพังไว :P

อินเตอร์เฟส & โอเอส

หากคุณเคยใช้แอนดรอยด์ Samsung มาก่อน คงไม่มีปัญหาในการใช้งาน Galaxy Player 4.0-5.0 เพราะอินเตอร์เฟส TouchWiz 3.0 เหมือนกันทุกประการ เพียงแต่บนรุ่นนี้จะใช้งานในแนวนอนได้ (Galaxy S ทำไม่ได้) ส่วนอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน สำหรับโอเอสใช้ Android 2.2.1 สามารถลงแอพฯ ร่วมกับ Android รุ่นอื่นๆ ได้เลย เช่นเดียวกับซื้อแอพฯ ใน Market แน่นอนครับว่าในเมื่อมันเป็นแอนดรอยด์ ฟีเจอร์หลายๆ อย่างก็ไม่ต่างจากมือถือ แม้ว่าจะเป็นเครื่องเล่นมีเดียก็ตาม

มัลติมีเดีย

เมื่อพูดถึง Galaxy Player แล้ว หากจะไม่กล่าวถึงฟีเจอร์ด้านมัลติมีเดียก็คงจะแปลกๆ อยู่ บนรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานมัลติมีเดียโดยเฉพาะ ทั้งฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม ท่องเว็บ ฯลฯ เรามาดูกันครับว่าฟีเจอร์เด่นๆ บน Galaxy Player นั้นจะตอบโจทย์คุณได้มากน้อยเพียงใด

เกมส์ ตัวเครื่องจะลงเกมส์ HD ของ Gameloft มาให้ 4 เกมส์ครับ และเกมทั่วๆ ไปอีกราวๆ 60-70 เกมส์ ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันก็คือ Farm Frenzy, Sally's Salon, Megamind ฯลฯ นอกจากนี้ยังโหลดเพิ่มจากบน market ได้อีก สำหรับประสิทธิภาพการเล่นเกมบน Galaxy Player หายห่วงค่ะ เพราะซีพียู 1GHz + ชิปกราฟฟิคระดับเดียวกับ Galaxy S เล่นเกม 3D ได้สบายๆ เลยล่ะ

นอกจากนี้บน Galaxy Player ยังมีวิทยุ FM, เครื่องบันทึกเสียงให้คุณใช้งาน และยังดูทีวี - ฟังวิทยุผ่านเว็บไซต์ได้ด้วยนะคะ เพราะเบราเซอร์รองรับ Flash 10.3



วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ผลสำรวจตลาดโทรศัพท์มือถือไตรมาสแรกปี 2011 ถูกประกาศแล้วนะค้า โดยการ์ทเนอร์ชี้ว่า จำนวนโทรศัพท์มือถือที่ถูกจำหน่ายในช่วง 3 เดือนแรกของปี (มกราคม-มีนาคม) ยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโลกนั้น ทะลุ 427.8 ล้านเครื่อง สูงกว่าปีก่อนเกิน 60 ล้านเครื่อง ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนก็เป็นไปตามคาด ยอดจำหน่ายไอโฟนเพิ่มขึ้นเท่าตัว-ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สามารถครองแชมป์แพลตฟอร์มยอดนิยม-ในขณะที่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟนเซเว่นยังล้าหลังคู่แข่ง

ไอโฟนขายดีเท่าตัว
     
Carolina Milanesi รองประธานนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ ให้สัมภาษณ์ต่อผลการสำรวจตลาดโทรศัพท์มือถือไตรมาสล่าสุดที่ผ่านมาว่า หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจของผลสำรวจนี้คือยอดจำหน่าย ไอโฟน (iPhone) ของแอปเปิลที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในไตรมาสนี้ เพราะไอโฟนเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูงกว่ามาตรฐานมาก ซึ่งยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นถือเป็นผลลัพท์ที่ยืนยันความสำคัญของพลังในแบรนด์สินค้าได้เป็นอย่างดี
     
การ์ทเนอร์พบว่ายอดจำหน่าย ไอโฟน ในไตรมาสแรกของปี 2011 อยู่ที่ 16.8 ล้านเครื่อง ถือเป็นตัวเลขที่มากกว่า 8.2 ล้านเครื่องที่แอปเปิลทำได้ในไตรมาสแรกปี 2010 เป็นผลให้แอปเปิลกลายเป็นผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถืออันดับ 4 ของโลกไปโดยปริยาย
     
แชมป์ในตลาดโทรศัพท์มือถือรวมยังเป็น โนเกีย (Nokia) การ์ทเนอร์พบว่ายักษ์ใหญ่ฟินแลนด์สามารถจำหน่ายโทรศัพท์ได้ 107.6 ล้านเครื่อง อันดับต่อมาคือซัมซุง (Samsung) และแอลจี (LG) ซึ่งมียอดจำหน่าย 68.8 ล้านเครื่องและ 24 ล้านเครื่องตามลำดับ
     
เมื่ออันดับ 4 เป็นแอปเปิล ผู้ผลิตอันดับ 5 ในตลาดโทรศัพท์มือถือไตรมาสแรกปีนี้คือริม (RIM) ซึ่งการ์ทเนอร์พบว่าสามารถจำหน่ายได้ 13 ล้านเครื่องเท่านั้น โดยยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือรวมตลอด 3 เดือน 427.8 ล้านเครื่องนี้ คิดเป็นตัวเลขที่เพิ่มจาก 359.6 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 68 ล้านเครื่อง หรือประมาณ 20%
     
แอนดรอยด์ครองแชมป์-วินโดวส์ล้าหลัง
     
ในส่วนตลาดสมาร์ทโฟน หรือโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะที่มีระบบปฏิบัติการและเปิดให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งแอปพลิเคชันของตัวเองได้ตามชอบ การ์ทเนอร์พบว่ายอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ราว 100 ล้านเครื่อง ปรากฏว่าเครื่องส่วนใหญ่วางขายพร้อมระบบปฏิบัติแอนดรอยด์(Android OS) คิดเป็นสัดส่วน 36% บนยอดขายมากกว่า 36.2 ล้านเครื่อง
     
ระบบปฏิบัติการซิมเบียน (Symbian) ของโนเกียกลายเป็นเบอร์ 2 คิดเป็นสัดส่วน 27.4% บนยอดจำหน่าย 27.6 ล้านเครื่อง อันดับ 3 และ 4 คือไอโอเอส (iOS) ของแอปเปิล และแบล็กเบอรี (BlackBerry) ของริมด้วยสัดส่วน 16.8% และ 12.9%
     
เบอร์ 5 ในตลาดยังคงเป็นไมโครซอฟท์ซึ่งการ์ทเนอร์พบว่า สมาร์ทโฟนราว 3.6 ล้านเครื่องที่ถูกจำหน่ายในไตรมาสนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการวินโดวส์โมบาย (Microsoft mobile OS) คิดเป็นสัดส่วน 3.6% พอดี โดยระบบปฏิบัติการใหม่อย่างวินโดวส์โฟน (Windows Phone OS) นั้นสามารถจำหน่ายได้ราว 1.6 ล้านเครื่องเท่านั้น
     
ทั้งหมดนี้ การ์ทเนอร์ตั้งข้อสังเกตว่ารูปแบบการใช้ระบบปฏิบัติการในสมาร์ทโฟนนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปจากไตรมาสแรกปี 2010 มาก เพราะในขณะนั้น แอนดรอยด์ ยังเป็นระบบปฏิบัติการที่มีสัดส่วนการใช้งาน 9.6% เท่าน้้น เป็นอันดับ 4 รองจากอันดับ 1 อย่างซิมเบียนที่มีสัดส่วนตลาดสูงถึง 44.2% ตามมาด้วยแบล็กเบอรีและไอโอเอสที่มีสัดส่วนการใช้งาน 19.7% และ 15.3% ตามลำดับ ในขณะที่วินโดวส์โมบายมีส่วนแบ่งที่ 6.8%
     
อย่างไรก็ตาม การ์ทเนอร์เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนครั้งใหญ่ในปีหน้า (2012) เพราะความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์และโนเกียที่จะทำให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟนเซเว่น (Windows Phone 7) กลายเป็นระบบปฏิบัติการหลักของสมาร์ทโฟนแบรนด์โนเกียแทนที่ซิมเบียน ซึ่งคาดว่าปีหน้า สัดส่วนตลาดวินโดวส์โฟนจะเพิ่มขึ้นทันตา
     
จุดนี้การ์ทเนอร์เชื่อว่าวินโดวส์โฟนจะมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 19.5% ในปี 2015 ซึ่งจะเป็นปีที่การ์ทเนอร์เชื่อว่าแอนดรอยด์จะมีส่วนแบ่งตลาดสูง 48.8% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมดค่ะ


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

หลังจากมีข่าวการสังหารโอซามา บิน ลาเดน ผู้คนจำนวนมากก็กล่าวถึงข่าวนี้ในหลายๆ ด้านโดยเฉพาะเรื่องสถานที่ซ่อนในปากีสถาน ที่ช่วยให้บิน ลาเดนซ่อนตัวจากสหัรัฐได้นานนับ 10 ปี ล่าสุด Counter-Strike เกมส์ Shoting ชื่อดังได้นำสถานที่ซ่อนตัวของบิน ลาดินมาสร้างเป็นสนามประลองภายในเกมส์ โดยผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด Map ที่ซ่อนตัวบิน ลาดินได้

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พบกับไอที ยูที เช้าวันอาทิตย์ค่ะ

โลกใน ค.ศ 2011 ก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็วอ่ะนะคะ ทั้งทางด้านการแพทย์ การศึกษา และเทคโนโลยี วันนี้ ไอที ยูที นำข่าวความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาฝากทุกท่านค่ะ

ส่วนใหญ่ หุ่นยนต์ ที่เราพบเห็นกันนั้น แต่ละตัว ถ้ามันไม่เดินได้ ก็คลานได้ หรือไม่ปีนได้ ก็จะกลิ้งไปกับพื้น แต่ไม่ยักมี หุ่นยนต์ ที่สามารถทำได้ทุกอย่าง จนกระทั่งมาพบกับ หุ่นยนต์ ที่สามารถแปลงรูปร่าง เพื่อให้สามารถเคลื่อนที่ภายใต้สภาพแวดล้อมหลากหลายได้ เจ้าหุ่นตัวนี้มันมีชื่อว่า iMobot ค่ะ

iMobot ได้ถูกพัฒนาโดย UC Davis alum Graha Ryland และศาสตราจารย์ Harry Chang หุ่นยนต์ ตัวนี้ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะเป็น”โมดูล”ที่มาพร้อมกับกลไกที่ทำให้มันสามารถปีนไต่ บิดตัวไปมา กลิ้ง หรือเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ภายใต้สภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการใช้เจ้าหุ่นในการทำงานที่พื้นที่เสี่ยงภัย หรืองานที่เกี่ยวกับการกู้ภัยได้เป็นอย่างดีอ่ะนะคะ

iMobot แต่ละโมดูลจะมาพร้อมกับข้อต่อคู่ตรงส่วนกลาง เพื่อให้มันสามารถคืบคลานได้เหมือนไส้เดือน หรือการบิดตัวเพื่อเคลื่อนที่ไปด้านข้าง นอกจากนี้ที่ส่วนปลายของแต่ละโมดูลยังมาพร้อมกับล้อที่สามารถหมุน เพื่อให้มันเคลื่อนที่ได้อีกต่างหาก แถมยังสามารถติดกล้องให้มันยกตัวเองขึ้นมาถ่ายรูป หรือวิดีโอได้อีกต่างหาก ที่สำคัญแต่ละโมดูลยังสามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันได้อีกด้วย ลองชมคลิปสาธิตการทำงานของ iMobot ข้างล่างนี้ รับรองว่า คุณต้องทึ่งในความสามารถของมันอย่างแน่นอนค่ะ :)





ขอบคุณที่มา http://www.techcom21.com/hitech/?p=6353
Subscribe to RSS Feed Follow me on Twitter!