วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ผลสำรวจตลาดโทรศัพท์มือถือไตรมาสแรกปี 2011 ถูกประกาศแล้วนะค้า โดยการ์ทเนอร์ชี้ว่า จำนวนโทรศัพท์มือถือที่ถูกจำหน่ายในช่วง 3 เดือนแรกของปี (มกราคม-มีนาคม) ยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโลกนั้น ทะลุ 427.8 ล้านเครื่อง สูงกว่าปีก่อนเกิน 60 ล้านเครื่อง ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนก็เป็นไปตามคาด ยอดจำหน่ายไอโฟนเพิ่มขึ้นเท่าตัว-ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สามารถครองแชมป์แพลตฟอร์มยอดนิยม-ในขณะที่ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟนเซเว่นยังล้าหลังคู่แข่ง

ไอโฟนขายดีเท่าตัว
     
Carolina Milanesi รองประธานนักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ ให้สัมภาษณ์ต่อผลการสำรวจตลาดโทรศัพท์มือถือไตรมาสล่าสุดที่ผ่านมาว่า หนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจของผลสำรวจนี้คือยอดจำหน่าย ไอโฟน (iPhone) ของแอปเปิลที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในไตรมาสนี้ เพราะไอโฟนเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาสูงกว่ามาตรฐานมาก ซึ่งยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นถือเป็นผลลัพท์ที่ยืนยันความสำคัญของพลังในแบรนด์สินค้าได้เป็นอย่างดี
     
การ์ทเนอร์พบว่ายอดจำหน่าย ไอโฟน ในไตรมาสแรกของปี 2011 อยู่ที่ 16.8 ล้านเครื่อง ถือเป็นตัวเลขที่มากกว่า 8.2 ล้านเครื่องที่แอปเปิลทำได้ในไตรมาสแรกปี 2010 เป็นผลให้แอปเปิลกลายเป็นผู้จำหน่ายโทรศัพท์มือถืออันดับ 4 ของโลกไปโดยปริยาย
     
แชมป์ในตลาดโทรศัพท์มือถือรวมยังเป็น โนเกีย (Nokia) การ์ทเนอร์พบว่ายักษ์ใหญ่ฟินแลนด์สามารถจำหน่ายโทรศัพท์ได้ 107.6 ล้านเครื่อง อันดับต่อมาคือซัมซุง (Samsung) และแอลจี (LG) ซึ่งมียอดจำหน่าย 68.8 ล้านเครื่องและ 24 ล้านเครื่องตามลำดับ
     
เมื่ออันดับ 4 เป็นแอปเปิล ผู้ผลิตอันดับ 5 ในตลาดโทรศัพท์มือถือไตรมาสแรกปีนี้คือริม (RIM) ซึ่งการ์ทเนอร์พบว่าสามารถจำหน่ายได้ 13 ล้านเครื่องเท่านั้น โดยยอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือรวมตลอด 3 เดือน 427.8 ล้านเครื่องนี้ คิดเป็นตัวเลขที่เพิ่มจาก 359.6 ล้านเครื่องในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 68 ล้านเครื่อง หรือประมาณ 20%
     
แอนดรอยด์ครองแชมป์-วินโดวส์ล้าหลัง
     
ในส่วนตลาดสมาร์ทโฟน หรือโทรศัพท์มือถืออัจฉริยะที่มีระบบปฏิบัติการและเปิดให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งแอปพลิเคชันของตัวเองได้ตามชอบ การ์ทเนอร์พบว่ายอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ราว 100 ล้านเครื่อง ปรากฏว่าเครื่องส่วนใหญ่วางขายพร้อมระบบปฏิบัติแอนดรอยด์(Android OS) คิดเป็นสัดส่วน 36% บนยอดขายมากกว่า 36.2 ล้านเครื่อง
     
ระบบปฏิบัติการซิมเบียน (Symbian) ของโนเกียกลายเป็นเบอร์ 2 คิดเป็นสัดส่วน 27.4% บนยอดจำหน่าย 27.6 ล้านเครื่อง อันดับ 3 และ 4 คือไอโอเอส (iOS) ของแอปเปิล และแบล็กเบอรี (BlackBerry) ของริมด้วยสัดส่วน 16.8% และ 12.9%
     
เบอร์ 5 ในตลาดยังคงเป็นไมโครซอฟท์ซึ่งการ์ทเนอร์พบว่า สมาร์ทโฟนราว 3.6 ล้านเครื่องที่ถูกจำหน่ายในไตรมาสนี้มาพร้อมระบบปฏิบัติการวินโดวส์โมบาย (Microsoft mobile OS) คิดเป็นสัดส่วน 3.6% พอดี โดยระบบปฏิบัติการใหม่อย่างวินโดวส์โฟน (Windows Phone OS) นั้นสามารถจำหน่ายได้ราว 1.6 ล้านเครื่องเท่านั้น
     
ทั้งหมดนี้ การ์ทเนอร์ตั้งข้อสังเกตว่ารูปแบบการใช้ระบบปฏิบัติการในสมาร์ทโฟนนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปจากไตรมาสแรกปี 2010 มาก เพราะในขณะนั้น แอนดรอยด์ ยังเป็นระบบปฏิบัติการที่มีสัดส่วนการใช้งาน 9.6% เท่าน้้น เป็นอันดับ 4 รองจากอันดับ 1 อย่างซิมเบียนที่มีสัดส่วนตลาดสูงถึง 44.2% ตามมาด้วยแบล็กเบอรีและไอโอเอสที่มีสัดส่วนการใช้งาน 19.7% และ 15.3% ตามลำดับ ในขณะที่วินโดวส์โมบายมีส่วนแบ่งที่ 6.8%
     
อย่างไรก็ตาม การ์ทเนอร์เชื่อว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาดโปรแกรมระบบปฏิบัติการสมาร์ทโฟนครั้งใหญ่ในปีหน้า (2012) เพราะความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์และโนเกียที่จะทำให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟนเซเว่น (Windows Phone 7) กลายเป็นระบบปฏิบัติการหลักของสมาร์ทโฟนแบรนด์โนเกียแทนที่ซิมเบียน ซึ่งคาดว่าปีหน้า สัดส่วนตลาดวินโดวส์โฟนจะเพิ่มขึ้นทันตา
     
จุดนี้การ์ทเนอร์เชื่อว่าวินโดวส์โฟนจะมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 19.5% ในปี 2015 ซึ่งจะเป็นปีที่การ์ทเนอร์เชื่อว่าแอนดรอยด์จะมีส่วนแบ่งตลาดสูง 48.8% หรือเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดสมาร์ทโฟนทั้งหมดค่ะ


ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
Subscribe to RSS Feed Follow me on Twitter!